ประตูประวัติศาสตร์ ลิโอเนล เมสซี่เล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ประตูประวัติศาสตร์

ประตูประวัติศาสตร์ ฟีฟ่าเวิลด์คัพ ไฟเนิล ดูเป้าหมายของ ลิโอเนล เมสซี กับ เลส บลูส์ ในการปะทะกันที่ ลูเซล

ประตูประวัติศาสตร์ เมสซี่เล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เปลี่ยนจุดโทษในนาทีที่ 23 ก่อนทำประตูอีกครั้งในช่วงต่อเวลาพิเศษ (109′) ทำให้อาร์เจนตินานำหน้าทุกครั้งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกับฝรั่งเศสเมสซีทำให้เกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในอาชีพของเขาน่าจดจำยิ่งขึ้นด้วยการทำสองประตูในเกมนัดชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศสที่ลูเซลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยสกอร์สูงอย่างน่าตื่นเต้น

เมสซี่ซึ่งก่อนหน้านี้เลือกการปะทะกันที่ ลูเซล สเตเดี้ยม เป็นรอบชิงชนะเลิศสำหรับ La อัลบิเซเลสเต้ ในทัวร์นาเมนต์อันทรงเกียรติ แทงบอลอย่างใจเย็นผ่านผู้รักษาประตู อูว์โก โยริส ในนาทีที่ 23 ของรอบชิงชนะเลิศ สิ่งนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้ตัดสิน ซีมอน มาร์ซิเนียก ชี้ไปที่จุดนั้นหลังจาก อุสมาน เดมเบเล่ ทำฟาวล์ใส่ อังเคล ดิ มาเรีย ในช่องที่สามของฝรั่งเศส ฝูงชนที่ ลูเซล สเตเดี้ยม

ซึ่งอาบไปด้วยสีขาวและสีน้ำเงินเพื่อเป็นตัวแม่ของการปะทะกันทั้งหมด ตื่นเต้นเมื่อเมสซีทำประตูที่หกของเขาในปี 2022 นอกเหนือจากสามแอสซิสต์ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ ทัวร์นาเมนต์เพื่อทำคะแนนในรอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีม, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ จากนั้นดิมาเรียจะเพิ่มเป็นสองเท่าของอาร์เจนตินาในนาทีที่ 36 ราฟาเอลบาดเจ็บ

ประตูประวัติศาสตร์

หลังจากวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษจากปีกซ้ายขณะที่อาร์เจนตินาเข้าสู่ช่วงพักครึ่งโดยนำ 2-0

อย่างไรก็ตาม การป้องกันแชมป์ฝรั่งเศสจะกลับมาในครึ่งหลังอย่างมีสไตล์ มารยาทของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวเตะตัวเก่งวัย 23 ปีผู้เคยแสดงชัยชนะเหนือโครเอเชีย 4-2 ของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย จะเปลี่ยนจุดโทษเป็นคนแรกในนาทีที่ 80 ก่อนที่จะยิงตีเสมอในนาทีต่อมาเพื่อฟื้นความหวังของเลส์ เบลอส์ ที่จะรักษาตำแหน่งได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมสซีไม่ได้ทำสำเร็จ

เพราะเขาทำให้อาร์เจนตินาขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ในนาทีที่ 109 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไปข้างหน้า ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เคาะการรีบาวด์ผ่าน โยริส อย่างใจเย็นหลังจากที่ฝ่ายหลังหันเหความสนใจของ เลาตาโร มาร์ติเนซ ที่พยายามยิง เอ็มบัปเป้จะทำแฮตทริกได้สำเร็จด้วยการยิงจุดโทษอีกครั้งในอีก 9 นาทีต่อมา ทำให้เกมต้องเข้าสู่การดวลจุดโทษ ซึ่งความกล้าหาญของเอมิเลียโน มาร์ติเนซจะส่งผลให้ถ้วยรางวัลหลุดมือจากเลส์ เบลอส์ในที่สุด https://www.royalhaflingerranch.com